หลังจากแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจาก Minority Report ทำให้ Colin Farrell มีงานต่อเนื่อง และถูกเรียกตัวเข้ากลุ่มดารานักแสดงร่วมกับ Kiefer Sutherland, Forest Whitaker, Katie Holmes และ Radha Mitchell นับว่าเรื่องนี้ Colin Farrell แสดงนำเต็มตัวและแสดงฝีมือได้เต็มที่กับบทที่ต้องติดอยู่ภายในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ด้วยเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนเรียบง่ายแม้จะอยู่ในตู้โทรศัพท์กลางเมืองใหญ่ก็ไม่อาจมีใครช่วยเหลือได้ เพราะมีอันตรายที่มองไม่เห็น โดยในเรื่องให้อันตรายที่มองไม่เห็นเป็นมือปืนซุ่มยิงอยู่ ในขณะที่รอบข้างยังใช้ชีวิตปกติ ยอกย้อนสังคมเมืองใหญ่อย่างจัง นอกจากนั้นยังเพิ่มการส่งบทให้เรื่องเข้มข้นขึ้นไปอีกจากดาราอย่าง Kiefer Sutherland ที่ทั้งเรื่องมาแต่เสียง แถมทั้ง Joel Schumacher ผู้กำกับและ Larry Cohen ผู้เขียนก็จัดได้ว่าขึ้นหิ้งหมดแล้ว ในเรื่องทุกอย่างดูพร้อมและลงตัวจะขาดก็เพียงแต่ประสบการณ์การแสดงของ Colin Farrell เท่านั้น แต่ที่ได้มาแทนประสบการณ์ก็คือความสดที่มาทดแทน ซึ่งมันกับเป็นการดีกับภาพยนตร์เรื่องนี้
ประโยคเด็ดจากภาพยนต์
" If you have to ask, you're not ready to know yet"
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- Larry Cohen เจ้าของไอเดียที่คิดภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นตู้โทรศัพท์ทั้งหมด และได้เสนอแนวคิดนี้ให้กับ Alfred Hitchcock ในปี 1960 และ Hitchcock ก็ชื่นชอบไอเดียนี้ แต่ติดที่ว่า Hitchcock กับ Cohen ไม่สามารถคิดพล็อตเรื่องที่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องเฉพาะ ตู้โทรศัพท์ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่คิดจะทำภาพยนตร์ตามแนวคิดนี้ จนมาถึงปี 1990 Cohen ถึงมาได้ไอเดียว่าต้องมีมือปืนซุ่มยิงจึงเป็นตัวแปรที่มาเติมเต็มแนวความคิดของเขาและมีน้ำหนักเพียงพอ
- ฉากในภาพยตร์ทั้งหมดถูกถ่ายทำเรียงตามลำดับที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ทั้งหมด
- Kiefer Sutherland ที่รับบทตัวร้าย ที่โผล่มาแต่เสียงในภาพยนตร์ นอกจากไม่ปรากฎตัวในภาพยนตร์แล้ว ยังไม่มีตัวตนให้เห็นในโปสเตอร์ ใบหน้าของ Sutherland ไม่ปรากฎแม้แต่ภาพยนตร์ที่ใช้สำหรับโปรโมท หรือโฆษณาเลย จนกระทั่ง Phone booth ถูกปล่อยออกมาเป็นวีดีโอ จึงจะเห็น Sutherland บนปก
- นักแสดงทุกคนในเรื่องจะติดหูฟังไว้ทุกคนดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเหมือนๆกันทุกคน
- Mel Gibson เคยถูกวางตัวให้เล่นเรื่องนี้ และเขาก็ได้แนะนำสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งถือว่าช่วยได้มากแต่ในท้ายที่สุดเขาก็ได้ถอนตัวไป
- Michael Bay เคยได้รับการพิจารณาให้มากำกับเรื่องนี้ จนกระทั่งเขาพบกับผู้เขียนและผู้อำนวยการผลิต คำถามแรกที่เขาถามออกมาคือ "เราจะเอาเขาออกจากตู้โทรศัพท์อย่างไร?"
- คำว่า "Fuck" ถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ถึง 143 ครั้ง
- เวลาที่ภาพยนตร์ใช้เป็นเวลาจริง
- คนขายหุ่นยนต์ของเล่นพูดภาษาสวาฮีลี และนอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำออกมาเป็นภาษาสวาฮีลี ด้วย
- ภาษาสวาฮีลี (หรือ คิสวาฮีลี) เป็นภาษากลุ่มแบนตูที่พูดอย่างกว้างขวางในแอฟริกาตะวันออก ภาษาสวาฮีลีเป็นภาษาแม่ของ ชาวสวาฮีลี ซึ่งอาศัยอยู่แถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันออกระหว่างประเทศโซมาเลียตอนใต้ ประเทศโมแซมบิกตอนเหนือ มีคนพูดเป็นภาษาแม่ประมาณ 5 ล้านคนและคนพูดเป็นภาษาที่สองประมาณ 30-50 ล้านคน ภาษาสวาฮีลีได้กลายเป้นภาษาที่ใช้โดยทั่วไปในแอฟริกาตะวันออกและพื้นที่รอบ ๆ
Soundtrack
ตัวอย่างเพลงประกอบ กับ Track ที่ 11 มีชื่อว่า "Center Of Attention"