Sunday, November 14, 2010

The Blair Witch Project (1999)

วันที่ 21 ตุลาคม 1994 นักศึกษา 3 คน ประกอบไปด้วย Heather(Heather Donahue),Josh(Joshua Leonard) และ Mike(Michael C. Williams) ได้เดินทางเข้าไปในป่าแบล็กฮิลล์ มลรัฐแมริแลนด์ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับแม่มดแบลร์ อันเป็นตำนานความเชื่อของคนท้องถิ่น แต่ทั้งสามกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ หนึ่งปีให้หลัง ข้าวของเครื่องใช้ ของนักศึกษาทั้ง 3 คนถูกค้นพบ เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งเป็นเงื่อนงำที่จะไขไปสู่การหายตัวไปของพวกเขา และหลักฐานที่ถูกค้นพบมันได้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดกับพวกเขาทั้ง 3 ซึ่งกำลังจะได้รับการเปิดเผยออกมาจากวีดีโอที่พวกเขาใช้บันทึก


The Blair Witch Project ภาพยนตร์สร้างชื่อให้แก่ Daniel Myrick และ Eduardo Sánchez เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ทุนต่ำ ทั้งสองคน เลยทำทั้งกำกับ เขียนบทและตัดต่อร่วมกัน ซึ่งในยุคนั้นถือว่า เป็นภาพยนตร์แนวเสมือนจริง ที่สร้างออกมาได้แปลกแหวกแนวไม่เหมือนภาพยนตร์ในยุคเดียวกันนั้น ความน่ากลัวของ The Blair Witch Project ไม่ได้อยู่ที่การเห็นตัวตน แต่เน้นให้มีเหตุการณ์ที่เสมือนจริงเกิดขึ้น ตามด้วยเหตุการณ์ต่างๆ อย่าง เสียงแปลกๆต่างๆ การตะโกนตื่นตกใจของนักแสดง การวิ่งหนี การคลุมโปง การหวั่นวิตก ก็มีแค่นั้น ดังนั้นถ้าคุณหวังว่าจะเห็นอะไรก็ตามที่น่ากลัวหรือเทคนิคที่ล้ำลึก หรือสัตว์ประหลาดเทคนิคสูง ขอบอกว่าไม่มี มันเป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมการนำเสนอของสองผู้กำกับเพรียวๆ โดยนำเสนอผ่านภาพที่แกว่งและเหวี่ยง เพื่อให้สอดรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน ซึ่งในยุคนั้น ถือว่ายังเป็นของใหม่และเป็นความกล้าบ้าบิ่นของผู้ทำหนัง แต่สำหรับ ในยุคปัจจุบันนี้ เทคนิคการถ่ายทำแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี


The Blair Witch Project ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงจากการเข้าฉาย ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1998 และสามารถทำเงินได้เมื่อเข้าฉายในสหรัฐอเมริกา จากการที่หนังสามารถทำเงินได้จึงมีการสร้างภาคต่อขึ้น ในปีถัดมา ใช้ชื่อว่า The Blair Witch Project : Book of Shadows ซึ่งทั้งผู้สร้างและสไตล์ภาพยนตร์ไม่เหมือนเดิม และไม่ประสบความสำเร็จในการออกฉายไม่ว่าจะเป็นแง่รายได้หรือคำวิจารณ์ แต่ถึงกระนั้น The Blair Witch Project ที่เป็นภาพยนตร์ทุนต่ำที่สามารถทำเงินได้(มาก) อีกทั้งยังมีส่วนถ่างวิสัยทัศน์การทำภาพยนตร์ให้กว้างขึ้น เปิดตลาดของหนังทุนต่ำให้สดใสขึ้น ซึ่งยุคหลังๆ หนังทุนต่ำ ก็เริ่มทยอยเข้ามาให้เห็นมากขึ้น จึงถือได้ว่า The Blair Witch Project เป็นภาพยนตร์ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจ ให้นักทำหนังในยุคหลังได้เป็นอย่างดีอีกเรื่องหนึ่ง

ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์
"I'm afraid to close my eyes, I'm afraid to open them."

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- ตำนานและความเชื่อทั้งหมดเกี่ยวกับแม่มดแบลร์ในภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นมาภายหลัง
- ใช้ฟิล์มในการถ่ายทำทั้งหมด 11 ม้วน
- นักแสดงทั้ง 3 คนเข้าไปอยู่ในป่าจริง ๆ และกำหนดจุดรับคำสั่งทุก ๆ 3 วัน โดยผู้กำกับจะใส่บทและคำสั่งในตะกร้า โดยที่นักแสดงไม่รู้ว่าตนจะต้องเจอกับอะไร

Soundtrack
The Cellar by Antonio Cora

Directed byDaniel Myrick
Eduardo Sánchez
Produced byRobin Cowie
Gregg Hale
Written byDaniel Myrick
Eduardo Sánchez
StarringHeather Donahue
Joshua Leonard
Michael C. Williams
Music byAntonio Cora
CinematographyNeal Fredericks
Editing byDaniel Myrick
Eduardo Sánchez
StudioHaxan Films
Distributed byArtisan Entertainment
Release date(s)January 25, 1999 (Sundance)
July 16, 1999 (limited)
July 30, 1999
Running time86 minutes
CountryUnited States
LanguageEnglish
Budget $22,000
Gross revenue$248,639,099

Read More...

Saturday, November 13, 2010

Cloverfield (2008)

งานเลี้ยงแสดงความยินดีและอำลาถูกจัดขึ้นพร้อมกันเพื่อ Rob (Michael Stahl-David) ที่จะต้องย้ายไปทำงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งผู้เป็นแม่งานหลักคือ Jason (Mike Vogel) พี่ชายของเขาและ Lily (Jessica Lucas) แฟนของ Jason เอง และหน้าที่ในการบันทึกภาพตลอดงานเลี้ยงตกเป็นของ Hud (T. J. Miller) ซึ่ง Hud ก็ได้ใช้หน้าที่ในการบันทึกภาพ ให้เป็นประโยชน์โดยการเข้าหาพูดคุยกับ Marlena (Lizzy Caplan) ผู้หญิงที่เขาแอบชอบมานาน ทางด้าน Rob เอง กลับใช้งานเลี้ยงนี้สารภาพความรู้สึกที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อนกับ Beth (Odette Yustman) จนเกิดการโต้เถียงกัน ในที่สุด Beth ได้ผละออกจากงานเลี้ยงกลางครัน ระหว่างที่งานเลี้ยงยังดำเนินต่อไป ได้เกิดแผ่นดินไหวจนทั้งเมืองเกิดไฟดับในช่วงสั้นๆ และไม่นานกลับเกิดการระเบิดทำลายล้างอย่างรุนแรง จนทุกคนในงานเลี้ยง ต้องอพยพออกจากตัวอาคารและพบกับเหตุการณ์ทำลายล้างรุนแรง ในขณะที่ทุกคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ทุกคนในเมืองพยายามจะข้ามสะพานบลู๊คลินเพื่อออกจากเมืองนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกัน แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังข้ามสะพานกลับถูกสิ่งมีชีวิตปริศนา ทำลายสะพานทำให้คนหลายร้อยคนรวมทั้ง Jason ที่อยู่บนสะพานล่มสลายไปพร้อมสะพานบลู๊คลิน ส่วน Rob กลับได้รับข้อความจาก Beth ว่าเธอติดอยู่ในอพาร์ทเม้นของเธอและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ในขณะทีหลายร้อยคนกำลังพยายามจะหนี ในขณะที่รัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริการเตรียมแผนการอพยพแต่ต่อสู้กลับสิ่งมีชีวิตปริศนา แ่ต่สำหรับพวกเขาที่ประกอบไปด้วย Rob Hud Lily และ Marlena กลับตัดสินใจเดินทางย้อนกลับเพื่อไปช่วย Beth ออกมาให้ได้ โดยทั้งสี่คนมีเพียงกล้องวีดีโอ ที่ติดมือมาสำหรับบันทึกเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเท่านั้น

หนังเรื่องนี้นำเสนอ เพื่อให้ดูเสมือนว่าเป็นไฟล์วิดีโอที่กู้คืนจากกล้องวิดีโอดิจิตอล โดย กระทรวงกลาโหม ของอเมริกา ซึ่งเป็นที่มาของภาพเหตุการณ์ทั้งหมด จึงให้ความรู้สึกว่าเป็นเหตุการณ์ที่เสมือนเกิดขึ้นจริง ภาพที่ออกมาก็เขย่าและเหวี่ยงไปมาอย่างเต็มที่ และจะพูดไม่ผิดนักถ้าหากจะบอกว่า Cloverfield เป็นการรวมเอา Blawitch บวกกับ ก๊อซซิล่า เข้าด้วยกัน แต่ยังไม่หนำใจพอ เพราะมีการลงรายละเอียดให้กว้างขวางออกไปอีก ซึ่งคนดูหนังเห็นแล้วคุ้นเคยเป็นอย่างดีดี จะบอกว่า Cloverfield เป็นหนังรวมๆของหนังลึกลับ สัตว์ประหลาดก็ไม่ผิดนัก

Cloverfield กับการเปิดตัวด้วยแผ่นโปสเตอร์รูปเทพีเสรีภาพไร้หัวยืนโดดเดี่ยว พร้อมกับฉากหลังที่เต็มไปด้วยซากตึกปรักหักพัง อาจจะสื่อความหมาย อิสระเสรีภาพกำลังถูกทำลาย จากบางอย่างที่เกิดขึ้นในหนัง แต่ในหนังกับไม่มีการต่อยอดเลย ซึ่งน่าเสียดายไปนิด แต่ คอมพิวเตอร์กราฟฟิค ในหนังทำได้ค่อนข้างเนียน ถือว่าเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว แต่ดูลำบากตรงที่กล้องมันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาชวนเวียนหัวนี่แหละ สาเหตุนึงที่ทำให้เกิดอาการวิงเวียน จากหนังเรื่องนี้มากกว่าหนังเรื่องอื่นในแนวนี้ อาจเกิดจากการที่หนังมีฉากที่กว้างมาก เมื่อเทียบกับการใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบนี้ และมีคนจำนวนมากอยู่ในฉาก ทำให้การโฟกัสของคนดูไปพร้อมกับการเหวี่ยงไปมาของกล้องอย่างบ้าคลั่ง เป็นการยากที่จะไม่เกิดอาการวิงเวียน

J. J. Abrams ผู้อำนวยการสร้าง ผู้มากความสามารถ และเป็นจุดกำเนิดของหนังเรื่องนี้ โด่งดังขีดสุดจากซีรีย์เรื่อง Alias (2001–2006) และ Lost (2004–2010) และเขาได้ดึง Drew Goddard มือเขียนบท ซึ่งเคยร่วมงานกันมาก่อนจาก Alias และ Lost และด้วยสายตาอันเฉียบแหลมของ J. J. Abrams เขาได้ดึง Matt Reeves มาเป็นผู้กำกับ ทั้งๆที่ประสบการณ์กำกับของเขาค่อนข้างน้อย แต่ผลลัพธ์กลับออกมาดีเกินคาด ซึ่งส่งผลให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังสร้างชื่อของ Matt Reeves ไปในทันที

Cloverfield เป็นหนังประเภทที่ น้อยคนนักจะชอบในระดับกลางๆ คนดูส่วนใหญ่ส่วนมากจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือชอบหนังเรื่องนี้ไปเลย และกลุ่มที่สองไม่ชอบและเกลียดชวนอ้วกกับการนำเสนอภาพอย่างสุดโต่ง

ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์
"It's about moments, man.That's all that...you just need to say 'forget the world' and hold on to the people that you care about the most."

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- ต้นกำเนิดของ Cloverfiled เกิดจากการที่ J. J. Abrams อำนวยการผลิตในหนังเรื่องนี้ ตอนที่ตระเวนโปรโมต Mission : Impossible III ที่เขาเป็นผู้กำกับ ที่ประเทศญี่ปุ่น เขาได้เข้าไปในร้านของเล่นกับลูกชายของเขาเมื่อเขาเห็นก๊อซซิล่าแล้วคิดว่าอเมริกาน่าจะมีสัตว์ประหลาดที่คล้ายๆกับก๊อซซิล่าบ้าง แต่อเมริการก็มีคิงคองแล้ว แต่คิงคองจะให้ความรู้สึกน่ารักและเป็นมิตร ส่วนก๊อซซิล่าเป็นสัตว์ประหลาดที่มีเสน่ห์น่าสนใจ ซึ่งเขาต้องการสัตว์ประหลาดประเภทก๊อซซิล่าในอเมริกาบ้างแต่เพิ่มความบ้าคลั่งและเต็มไปด้วยการทำลายล้างเพิ่มขึ้น และ เมื่อกุมภาพันธ์ 2007 Paramount Pictures ได้ติดต่อให้ J. J. Abrams นั่งแท่นเป็นผู้ผลิต แล้วให้ Matt Reeves เป็นผู้กำกับ จึงทำให้ Cloverfield ถือกำเนิดออกมา
- ภาพหัวของอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพที่ปรากฏในหนังได้รับแรงบันดาลใจจากโปสเตอร์ของ Escape from New York ในปี 1997
ซึ่งมีการแสดงให้เห็นว่าส่วนหัวของอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพนอนสงบนิ่งอยู่ในท้องถนนของนิวยอร์ก ผู้กำกับ Matt Reeves เห็นแล้วถึงกับออกปากว่า มันเร้าใจอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้ J. J. Abrams ตัดสินใจให้มีฉากปรากฎขึ้นในหนังเรื่องนี้
- J. J. Abrams ผู้อำนวยการสร้าง และ ผู้กำกับ Matt Reeves เป็นเพื่อนกันตั้งแต่อายุ 13 ทั้งสองคนทำหนังสั้นด้วยกันจนได้ออกอากาศ ในช่องเคเบิล และในที่สุด ทั้งสองคนได้ร่วมกันสร้างซีรีย์ทีวีเรื่อง Felicity

Soundtrack
Roar! (Cloverfield overture) by the Bratislava Orchestra


Directed byMatt Reeves
Produced byJ. J. Abrams
Bryan Burk
Written byDrew Goddard
StarringMichael Stahl-David
T. J. Miller
Jessica Lucas
Odette Yustman
Lizzy Caplan
Mike Vogel
Music byMichael Giacchino
CinematographyMichael Bonvillain
Editing byKevin Stitt
StudioBad Robot Productions
Distributed byParamount Pictures
Release date(s)January 18, 2008
Running time85 minutes
CountryUnited States
LanguageEnglish
Budget$25,000,000
Gross revenue$170,764,026


Read More...