Monday, October 25, 2010

Quarantine (2008)

11 มีนาคม 2008 นักข่าวสาว Angela Vidal (Jennifer Carpenter) พร้อมด้วย ตากล้อง Scott Percival (Steve Harris) ได้ทำการบันทึกเทปรายการการใช้ชีวิตในยามค่ำคืนประจำการของนักดับเพลิง หลังจากได้รับแจ้งเหตุทางโทรศัพท์เกี่ยวกับผู้หญิงในอพาร์ตเม้นท์ ทั้งคู่ได้ติดตามการปฏิบัติงานของนักดับเพลิงคู่หู่ ที่อพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงได้พบกับตำรวจ 2 นายที่รออยู่แล้ว จึงพร้อมกันมุ่งหน้าไปที่ห้องของผู้หญิงรายนั้น เมื่อพวกเขาไปถึงหวังที่จะช่วยเหลือแต่กับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปกติกับ พวกเขา กว่าพวกเขาจะทันรู้ตัวแน่ชัด พวกเขาและผู้พักอยู่ในตึกนั้น ก็ถูกปิดกั้นพร้อมกับได้รับการแจ้งว่ามีการแพร่กระจายของเชื้อที่ยังไม่สามารถระบุได้ ภายในตัวตึก จนต้องปิดกั้นพวกเขาไม่ให้ออกจากตัวตึก โดยถ้าหากพวกเขาคิดจะออกจากตัวตึก จะถูกนักแม่นปืนสังหารทันที ตอนนี้ทุกคนในอพาร์ตเม้นท์จึงรู้สึกสับสนและถูกทอดทิ้ง แต่พวกเขาต้องหยุดยั้งความสับสนเพราะเหตุการณ์ตรงหน้าภายใจตึกเองกลับวิกฤต อันตรายยิ่งกว่า โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกไว้ในวีดีโอของนักข่าวนั้นเอง

หลังจาก [●REC] จากประเทศสเปน เปิดตัวในปี 2007(ครั้งแรก 23 พฤศจิกายน 2007) และประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ทำให้ฮอลลีวู๊ดถูกซื้อลิขสิทธิ์มาอย่างรวดเร็ว และปล่อยออกมาใน 9 เดือนถัดมา(10 สิงหาคม 2008) Quarantine จะเรียกว่า [●REC] เวอร์ชั่นของฮอลลีวู๊ดก็ไม่ผิดนัก ขนาดตัวเอกยังชื่อเดียวกันต่างกันเพียงสำเนียงการเรียกเท่านั้น นอกนั้นแทบไม่ได้ต่างกันออกไปมากนัก Quarantine ได้มีการเพิ่มตัวละครเพิ่ม อาทิ โดยเฉพาะผีดิบมากขึ้น และตัวละครในตึกอพาร์ทเม้นท์ แต่กับไม่ได้ลงรายละเอียดในตัวละครภายในอพาร์ทเม้นท์มากนัก แต่ Quarantine ไปเืลือกลงรายละเอียดในหน่วยดับเพลิง เพื่อจะอธิบายที่มาของการทำงานนักข่าวซึ่งมันยาวไป หลังจากเข้าไปในตัวตึกแล้วนักข่าวสาว เหมือนจะทำหน้าที่เกินกว่าที่จะเป็นผู้สื่อข่าว แล้วไหนจะตากล้องผิวสีตัวใหญ่ จะได้เห็นฉากเด็ดกับการเอากล้องอัดกับผีดิบ(รู้สึกว่านักข่าวจะเก่งมากๆ) ถ้าหากให้เทียบกับ [●REC] แล้ว บอกได้เลยว่า ไม่ควรเอาเทียบกันเลยดีกว่า อารมณ์คนละแบบ ความกดดันอึดอัดในหนังก็ไม่มี(ถ้าเทียบนะ) จริงๆแล้วศักยภาพของฮอลลีวู๊ดแล้ว น่าจะทำหนังที่ดีๆ ไม่ใช่เรืื่องยากเลย แค่การคิดพล็อตเรื่องเองก็ิยิ่งไม่ใช่เรื่องยากไปใหญ่ Quarantine ทำให้เห็นว่าฮอลลีวู๊ดต้องการความสำเร็จแบบสำเร็จรูป และจากการซื้อลิขสิทธิ์มาทำแล้วปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้คนดูที่ไม่ได้ติดตามหนังนอกฮอลลีวู๊ดสับสน เพราะยังไม่ทันที่ [●REC] ซึ่งเป็นต้นฉบับจะถูกซื้อมาฉายตามสายหนังในโรงกลับถูก Quarantine เข้าฉายในโรงก่อน แต่ถ้าหากคุณอยากดู Quarantine อย่างสนุกแล้วละก็ ไม่ควรดู [●REC] เลย

เมื่อเดือนมีนาคม 2010 ที่ผ่านมา ค่าย Screen Gems ได้วางตัวให้ John Pogue เป็นผู้กำกับ Quarantine 2 ซึ่งจะคราวนี้จะมีพล็อตเรื่องการแพร่เชื่อระบาดในสนามบิน ซึ่ง Quarantine 2 จะไม่เหมือนกับ [●REC]2 จากสเปนแล้ว นอกจากนั้นยังได้มีการตัวดารานำไว้แล้วคือ Mercedes Masohn และ Joshua Cooke ซึ่งจะมารับบทเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและครูอนุบาลตามลำดับ โดยได้มีการตั้งชื่อเรื่องไว้ว่า Quarantine 2: Terminal

ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์
I signed up for brave and courageous.I don't do dignified.
ผมเข้ามาทำเพราะความกล้าและแรงกระตุ้น ผมไม่ทำเพราะศักศรี

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- ตึกใน Quarantine จะ มี 4 ชั้นและ ห้องใต้หลังคาอีกห้อง ส่วน [●REC] จะมี 4 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นห้องชุดเพ็นเฮ้าส์
- เ่ช่นเดียวกันกับ [●REC] หนังเรื่องนี้จะไม่มีเพลงบรรเลงประกอบภาพยนตร์เลย
- Quarantine 2: Terminal ซึ่งพยายามสลัดออกจาร [●REC] ยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าจะปล่อยออกมาในปีไหน
- Quarantine ได้เพิ่มผีดิบที่เป็นสัตว์หลายตัว ซึ่งใน [●REC] ไม่มีเลย

Soundtrack
My Kinda Lover by Billy Squier

Directed byJohn Erick Dowdle
Produced byDoug Davison
Roy Lee
Sergio Aguero
Carlos Fernández
Julio Fernández
Clint Culpepper
Written byJohn Erick Dowdle
Drew Dowdle
StarringJennifer Carpenter
Jay Hernandez
Columbus Short
Greg Germann
Steve Harris
Dania Ramirez
Rade Šerbedžija
Johnathon Schaech
Music byPilar McCurry
CinematographyKen Seng
Editing byElliott Greenburg
StudioVertigo Entertainment
Andale Pictures
Filmax Entertainment
Distributed byScreen Gems
Release date(s)October 10, 2008 (2008-10-10)
Running time89 minutes
CountryUnited States
LanguageEnglish
Budget$12 million
Gross revenue$41,319,906

Read More...

Sunday, October 24, 2010

[●REC]2 2009

หน่วยปฏิบัติการพิเศษอาวุธครบมือ 4 นาย ได้รับคำสั่งให้เข้าไปในตึกติดเชื้อพร้อมด้วย Dr.Owen(Jonathan Mellor)เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษในการตรวจสอบและควบคุมสถานการณ์หลังจากถูกแจ้งเรื่องมีการแพร่เชื้อบางชนิด ซึ่งมีรายละเอียดที่ไม่ชัดเจนนัก เมื่อทั้งหมดก้าวเท้าเข้าไปในตึก ความความห้าวหาญคึกคะนองของหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้ง 4 นาย กลับถูกสั่นไหวกับสิ่งที่พวกเขาไม่ได้คาดหมาย พร้อมกับเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ภารกิจที่ได้รับมอบหมายตามที่พวกเขาเข้าใจ ได้ถูกอธิบายและเปลี่ยนแปลงเป้าหมายของภารกิจเสียใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนผู้มีอำนาจในการควบคุมภารกิจ ภารกิจใหม่คือการเก็บตัวอย่างเลือด ของผู้ที่พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้

การกลับมาอีกครั้งของหนังภาคต่อคืนเดียว จากค่าย Filmax หลังจากประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นจากภาคแรก ครั้งนี้ผู้กำกับคู่หูคู่เดิม Jaume Balagueró และ Paco Plaza กลับร่วมกันกำกับอีกครั้ง เนื้อเรื่องยังโยงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคที่แล้ว หลังจากนักข่าวและผู้อยุ่อาศัยในอพาร์ตเม้นท์ประสบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด และถูกปิดกั้นทางออกจากทางการ และจบลงด้วยการหายตัวไปของนักข่าวสาว หนังภาคใหม่นี้เปิดเรื่องด้วย การให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ 4 นาย และการเข้าสมทบของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเข้าไปควบคุมสถานการณ์ยังตึกเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษอาวุธครบมือทั้ง 4 นาย พร้อมกล้องติดอยู่ที่หมวกและมีสัญญาณเชื่อมต่อทุกคน ทำให้เห็นมุมกล้องที่เหมือนกับเกมคอมพิวเตอร์ประเภทมุมมองบุคคลที่ 1(First-person shooter :FPS) ได้อารมณ์เหมือนกับภาพจากเกมคอมพิวเตอร์ไปเลย

สำหรับในภาคนี้หนังยังคงปักหลักอยู่ที่อพาร์ตเมนทฺ์ 4 ชั้นหลังเดิม ภาคนี้จะบอกที่มาที่ไปมากขึ้น(แต่ยังบอกไม่หมด) รวมทั้งรายละเอียด(ที่มากขึ้น)ของปีศาจตัวสุดท้ายจากภาคแรก ผู้เป็นหัวเชื้อในการแพร่เชื้อด้วย ถึงแม้ จะเพิ่มฉากแอ็คชั่นมากขึ้น แต่หนังก็ลงรายละเอียดตัวละครที่จะเข้ามามีบทบาทในเรื่อ ว่ามีความเกี่ยวพันอย่างไรถึงปรากฎตัวขึ้นมา ซึ่งการลงรายละเอียดของตัวละคร(เหมือนกับที่ทำในภาคแรก)ทำให้หนังมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนั้นผู้กำกับ ยังแสดงให้เห็นเจ้าละเอียดจากบทพูดในภาคแรกที่พูดถึง ทางออกที่จะหนี ภาคต่อนี้จะแสดงให้เห็นว่าทางออกนั้นมีจริงและยังใช้งานได้ดี

[●REC] 2 ได้แบ่งการเล่าเรื่องของหนังออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงแรกคือช่วงที่ตัวละครกลุ่มแรกเข้ามาในตัวตึก ช่วงที่สองคือตัวละครกลุ่มที่สองเข้ามาในตัวตึก และช่วงที่สามคือการรวมตัวของตัวละครทั้งสองกลุ่ม

จากภาคที่แล้วหนังพยายามจะแสดงให้เห็นว่า การติดเชื้อที่เกิดขึ้นนั้นมีแนวโน้มไปทางแนววิทยาศาสตร์ โดยกำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและค้นคว้า จากผู้ที่มาจากหน่วยงานทีมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีอิทธิพล ซึ่งหน่วยงานนี้แหละทำให้หนังจากฝั่งยุโรป มีเสน่ห์มากเนื่องจากเป็นแผ่นดินใหญ่เชื่อมโยงกับหลายประเทศ มีวัฒนธรรมหลากหลายและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ส่วนภาคต่อนี้ เราจะได้รู้ว่าการติดเชื้อ เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ และเรายังจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างหน่วยปฏิบัติการพิเศษกับผีดิบแล้ว เรายังจะได้เห็นการต่อสู้อีกรูปแบบนึง ที่ทำให้เราอดคิด "The Exorcist" ไปไม่ได้เลย ส่วนคนที่ชื่อชอบ Manuela Velasco ผู้รับบท Ángela Vidal นักข่าวสาวที่ทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุ ภาคต่อนี้เธอได้กลับมาปรากฎตัวอีกครั้ง คงต้องมาคอยดูว่าเธอรอดมาได้อยางไร

เหมือนกลับภาคที่แล้ว [●REC] 2 นำเสนอภาพจากกล้องที่บันทึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ณ ขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นกล้องจากหมวกของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือ จากกล้องตัวอื่นๆ ที่จะปรากฏเพิ่มในหนัง แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิม คือต้องมีการสั่นไหวไปมา แต่ยังอยุ่ในระดับที่รับได้(เป็นคอนเซ็ปต์ของหนังไปแล้ว) หลังจากที่ดูไปแล้ว 2 ภาค และเปรียบเทียงหนังเรื่องอื่น ที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำคล้ายๆกัน จะพบว่าหนังในตระกูล REC จะใช้ตัวละครน้อยกว่าและในพื้นที่ที่จำกัดมากกว่า สามารถบังคับมุมมองของคนดูว่าจะโฟกัสไปที่จุดใดได้บ้าง จึงทำให้ไม่รู้สีกเวียนหัวมากนัก ซึ่งในแง่นี้ถือว่าเป็นจุดเด่นเลย ก่อนหน้าการเปิดตัวหนังภาคต่อนั้น REC2 ถือว่าถูกคาดหมายค่อนข้างสูงเนื่อง ถึงกับมีการคาดว่าจะเป็นหนังน่ากลัวที่สุดแห่งปี 2009 ถึงจะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่โดยภาพรวมแล้ว [●REC] 2 ยังคงได้รับคำชมมากกว่าคำด่ากับหนังภาคต่อ(โดนส่วนมากจะทำได้แย่) ถึงแม้จะไม่มากเท่าภาคแรกก็ตาม แต่ที่มากกว่าภาคแรกคือ การเข้าฉายในหลายประเทศมากกว่าในภาคแรกนั้นเอง

ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์
The light blinds you.The light doesn’t let you see the path.
แสงทำให้เจ้าตาบอด แล้วแสงนั้นทำเจ้าไม่สามารถเห็นทาง

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- โดยหนังมีแผนจะทำ 4 ภาคด้วยกัน จะเหลือ [REC] Genesis และ [REC] Apocalypse (คาดว่าจะออกมาในปี 2011 และ 2012 ตามลำดับ)
- Grupo Especial de Operaciones ในภาษาสเปน(ในภาษาอังกฤษ Special Operations Group) คือหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อย่อว่า มีหน้าที่ในการป้องกันบุคคลสำัคัญ การตอบโต้ต่อการก่อการร้ายทั้งหลาย นอกจากนั้น GEO ยังมีบทบาทในการสนับสนุนการดำเนินงานตำรวจสเปนอีกด้วย


Soundtrack กับเพลง Sangre โดย Carlos Ann



Directed by Jaume Balagueró
Paco Plaza
Produced byJulio Fernández
Written byJaume Balagueró
Manu Díez
Paco Plaza
StarringManuela Velasco
Jonathan Mellor
Óscar Sánchez Zafra
Ariel Casas
Alejandro Casaseca
Pablo Rosso
Pep Molina
Andrea Ros
Ális Batllori
Pau Poch
Juli Fábregas
Nico Baixas
Javier Botet
Carlos Olalla
CinematographyPablo Rosso
Editing byXavi Gimenez
Distributed byMagnolia Pictures
Release date(s)October 2, 2009
Running time85 minutes
Country Spain
LanguageSpanish

Read More...

Monday, October 18, 2010

[●REC] 2007

นักข่าวสาว Ángela Vidal(Manuela Velasco) พร้อมด้วย ตากล้อง Pablo(Pablo Rosso) เพื่อทำการบันทึกเทปรายการ "ในยามคุณหลับไหล" การใช้ชีวิตในยามค่ำคืนประจำการของนักดับเพลิงในบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน หลังจากได้รับแจ้งเหตุทางโทรศัพท์กับผู้หญิงคนหนึ่งในอพาร์ตเม้นท์ ทั้งคู่ได้ติดตามการปฏิบัติงานของนักดับเพลิงคู่หู่ Manu(Ferrán Terraza) และÁlex(David Vert) ที่อพาร์ตเม้นท์ตึก 4 ชั้นแห่งหนึ่ง เมื่อพวกเขาไปถึงพบว่า ทุกคนได้ลงมารวมตัวตรงห้องโถงชั้น 1 ของอพาร์ตเม้นท์ รวมทั้งตำรวจ 2 นายที่รออยู่ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ มุ่งหน้าไปที่ห้องของผู้หญิงเจ้าปัญหาจากการแจ้งเหตุ โดยมีกล้องตามหลังบันทึกเหตุการณ์ไว้ เมื่อพวกเขาเข้าหวังจะช่วยเหลือแต่กับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้นกับพวกเขา กว่าพวกเขาจะทันรู้ตัวแน่ชัด พวกเขาและผู้พักอยู่ในตึกนั้น ก็พบว่าถูกกักกันปิดกั้นบริเวณไว้ให้อยู่แต่ภายในตัวตึกจากหน่วยงานที่อ้างว่ามีการแพร่กระจายของเชื้ออยู่ภายใน ดังนั้นถ้าพวกเขาพยายามหนีออกจากตัวตึกจะถูกสังหารจากหน่วยงานที่ปิดล้อมตึกนั้น ตอนนี้ทุกคนในอพาร์ตเม้นท์รู้สึกสับสนและถูกทอดทิ้ง แต่เหตุการณ์ตรงหน้าภายใจตึกเองกลับวิกฤตอันตรายยิ่งกว่า โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกไว้ในวีดีโอของนักข่าวนั้นเอง

ภาพยนตร์ระทึกขวัญนำเข้าจากสเปน กำกับโดย 2 ผู้กำกับร่วมคู่หู Jaume Balagueró และ Paco Plaza ที่นำเสนอผ่านกล้องนักข่าวที่เดินทางไปทำสกู๊ป "ในยามคุณหลับไหล" การใช้ชีวิตในยามค่ำคืนประจำการของนักดับเพลิงในบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติหน้าที่ ตัวหนังจะบอกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันแบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งถูกบันทึกในกล้องของนักข่าว ทำให้ผู้ถ่ายไม่ได้เตรียมตัวพร้อมในการถ่ายทำให้เกิดอาการกล้องสั่นหรือภาพไหวไปมา แต่การสั่นอยู่ในระดับยังรับได้อยู่(อาจเป็นเพราะในเรื่อง เป็นตากล้องมืออาชีพอยู่แล้ว) นอกจากนั้นด้วยที่ฉากที่มืด(มาก) บวกกับตึกที่เป็นตึกเก่าอยู่แล้วให้ความเร่งความรู้สึกน่ากลัวได้ไม่ยากเลย แต่พอถึงฉากที่มีความสว่าง(มาก) เป็นตัวแทนของความปลอดภัย ทำให้คนดูได้หยุดพักหายใจ เพื่อเตรียมตัวกับเหตุการณ์ต่อไป ด้วยความน่ากลัวของบรรยากาศของหนังการใส่ดนตรีประกอบลงไปดูจะเป็นเรื่องไม่จำเป็นเลย การที่ไม่มีดนตรีประกอบกับเป็นเรื่องดีเสียอีก ยิ่งทำให้เรื่องสมจริงมากยิ่งขึ้น น่ากลัวยิ่งขึ้น เพียงแค่เน้นเสียงจากสิ่งแวดล้อมกระตุ้นให้น่ากลัวมากกว่ามีดนตรีเสียอีก เหตุการณ์ในเรื่องทั้งหมดใช้ฉากอพาร์ตเม้นท์ตึก 4 ชั้น เป็นสถานที่ถ่ายทำหลัก ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง โดยชั้นบนสุดซึ่งเป็นไคลแม็กซ์ของเรื่อง เป็นห้องเพนท์เฮ้าส์ นำความมืดมาใช้อย่างเต็มที่ โดยการใช้ประโยชน์จากการถ่ายวีดีโอในโหมดการถ่ายกลางคืน(Night mode) เข้ามาช่วยให้คนดูขนหัวลุกได้เป็นอย่างดี ถ้าจะให้จัดแล้ว [Rec] น่าจะจัดอยู่ในหนังประเภทผีดิบติดเชื้อ เต็มไปด้วยฉากที่แสดงถึงความรุนแรง มอบความกดดัน ระทึกขวัญ น่ากลัว ที่ผู้กำกับนำเสนอได้อย่างมีชั้นเชิง คอหนังแนวนี้คงสมใจกับการเสพหนังงานแนวนี้ถึงแม้จะไม่คุ้นกับภาษาแต่ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับงานคุณภาพเลย

นับตั้งแต่เปิดครั้งแรกในเทศการภาพยนตร์เมืองเวนิส(Venice Film Festival) ในเดือนสิงหาคม ปี 2007 [Rec] ก็ได้รับการถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง(โดยมากจะเป็นแง่บวก) จนถูกฝั่งอเมริกาซื้อลิขสิทธิ์ไปอย่างรวดเร็วและผลิตออกมาฉายในปีถัดมา!!(ยังไม่รวมอีกหลายเรื่องที่โดนอเมริกาซื้อลิขสิทธิ์ไปทำใหม่) แน่นอนว่า มันทำให้เกิดคำถามว่าหนังจากอเมริกากำลังถดถอยหรือหนังจากฝั่ง ยุโรป(รวมทั้งหนังจากโซนอื่นๆ) กำลังชนะใจคนดูจนแซงหน้าอเมริกาไปแล้ว ผู้ที่ตอบคำถามนี้ได้ดี คงมีแต่เพียงคนดูเท่านั้น
[Rec] ยังได้รับรางวัลต่างๆ จากหลายประเทศ เป็นตัวชี้ให้เห็นว่า [Rec] ได้รับการยอมรับในหลายๆประเทศ
รายชื่อรางวัลที่ได้รับ
- Fantasporto 2008(โปรตุเกส): Best Film Prize
- Fantastic'Arts? festival of G?rardmer 2008(เยอรมัน): Jury Prize, Prize of the young Public, Prize of the Public
- Festival de Cine de Sitges 2007(สเปน) : Prize of the Public, Critics Prize, Best Director Award, Best Actress Award for Manuela Velasco.
- Reaper Award 2009: best Indie/Foreign production

ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์

"We have to tape everything"

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- [Rec] หนังระทึกขวัญเต็มไปด้วยผีดิบเต็มตึก แต่มีการยิงปืนใส่ผีดิบเพียง 4 นัด นอกนั้นเป็นการต่อสู้ระยะประชิดพร้อมอาวุธเท่าที่หาได้
- [Rec] เป็นผลงานจากการกำกับร่วม ระหว่าง Jaume Balagueró และ Paco Plaza
- [Rec] ใช้การถ่ายทำแบบ shaky camerawork หรือ เรียกสั้นๆว่า “shaky-cam”
- [Rec] ถูกซื้อลิขสิทธิ์ด้วยเวลาอันรวดเร็ว โดยฮอลลีวู๊ด และได้เปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า "Quarantine" ออกฉายในปี 2008 ทำออกมาเร็วจนคนดูสับสนว่าอันไหนต้นฉบับจริงกันแน่
- [Rec]2 ได้ถูกวางแผนว่าฉายในปี 2009 และถูกวางแผนว่าจะสร้างอีก 2 ภาค
- Manuela Velasco นักแสดงนำ นักข่าวสาว โด่งดังเป็นพลุ ถูกวางตัวอยู่ในทุกภาคของ [REC] จนดูเหมือนเธอเป็นสัญลักษณ์ของหนังเรื่องนี้ไปแล้ว

Soundtrack
เพลงประกอบตอน End Credit "Vudú (Extended Version)" Written by Carlos Ann Performed by Vudu



Directed byJaume Balagueró
Paco Plaza
Produced byJulio Fernández
Written byJaume Balagueró
Luis A. Berdejo
Paco Plaza
StarringManuela Velasco
Javier Botet
Manuel Bronchud
Martha Carbonell
Claudia Font
Vicente Gil
CinematographyPablo Rosso
Editing byDavid Gallart
Distributed byFilmax
Release date(s)23 November, 2007
Running time78 minutes
CountrySpain
LanguageSpanish
Gross revenue$32,492,948


Read More...

Tuesday, October 5, 2010

Julie & Julia (2009)

ในปี 1949 Julia Child(Meryl Streep) หลังจากปรับตัวได้แล้ว กับการที่ย้ายมาอยู่ปารีสได้ 1 ปี นับจากสามีของเธอ Paul Child(Stanley Tucci) ที่ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาถูกส่งตัวมาประจำที่ ฝรั่งเศส เธอเบื่อหน่ายชีวิตการทำงานและที่นี่นี่เองที่ เธอได้พบหลังว่าสิ่งที่เธอชื่นชอบ คือการกินอาหาร และเธอก็คิดทีจะทำอาหารแต่มีตำราอาหารฝรั่งเศสที่เป็นภาษาอังกฤษสำหรับคนอเมริกันอย่างเธอน้อยมาก ทำให้เธอเข้าเรียนการทำอาหารอย่างจริงจังที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ(Le Cordon Bleu) สู่อนาคตในปี 2002 Julie Powel(Amy Adams) หญิงสาวผู้มีชีวิตจำเจผุ้มีอายุย่างเข้าสามสิบ กำลังประสบปัญหาในขณะที่เพื่อนรอบข้างประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่เธอย่ำอยู่กับที่กับงานรับโทรศัพท์ร้องทุกข์ เธอจึงต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างกับตัวเธอเองด้วยการทำ 524 เมนู ภายใน 365 วัน จากหนังสือ "ศาสตร์การทำอาหารฝรั่งเศส" (Mastering the Art of French Cooking) โดยการสนับสนุนของ Eric Powell(Chris Messina) สามีของเธอเอง เรื่องราวของผู้หญิงต่างยุคที่เหมือนเป็นเส้นขนาน แต่เชื่อมโยงเพียงการทำอาหารจึงเริ่มขึ้น

ภาพยนต์ถูกโปรยหัวไว้ว่าสร้างจาก 2 เรื่องจริง เป็นเรื่องของ Julia Child ผู้มีชื่อเสียงจากการทำอาหาร และ Julie Powel ผู้สร้างชื่อจากการเขียนเว็บบล็อก โดย Nora Ephron ผู้กำกับและผู้เขียนบท ดัดแปลงมาจากหนังสือ 2 เรื่อง คือ "My Life in France" เป็นหนังสือที่มีการเขียนร่วมกันระหว่าง Julia Child และ Alex Prud'homme และจาก The Julie/Julia Project ซึ่งเขียนลงในเว็บบล็อกของ Julie Powel เอง และถูกนำมารวบรวมเรียบเรียงตีพิมพ์เป็นหนังสือภายหลัง ในปี 2005 โดยเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า Julie and Julia: My Year of Cooking Dangerously

สำหรับในภาพยนตร์แล้ว ไม่ได้เน้นไปที่ความเก่งกล้าสามารถในการทำอาหาร หรือความสำเร็จจากความสามารถของทั้งสองสาวต่างยุคมากนัก (Julia Child ประสบความสำเร็จจากการทำอาหาร มีรายการทีวี หนังสือ นับได้ว่าเป็นคนมีชื่อเสียงระดับตำนานของอเมริกา ในขณะที่ Julie Powel ก็มีชื่อเสียงจากการเขียนเว็บบล็อก) แต่ภาพยนตร์แสดงกลับเน้นไปที่ความสุขในการทำสิ่งที่ตัวเองชอบ การยืนเคียงข้างคอยสนับสนุนและให้กำลังใจ และความอบอุ่นความเข้าใจ จากคนในครอบครัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสามีของ Julia Child ผู้มีงานยุ่งและเคร่งเครียดในหน้าที่การงาน แต่เขาไม่เคยเอางานกลับมาที่บ้านหรือบ่นกับภรรยาเลย แต่เขาคอยให้กำลังใจและเอาใจใส่ผลักดันส่งเสริมสนับสนุนให้ภรรยาทำในสิ่งที่ชอบ ดูเหมือนทั้งคู่จะมีปัญหาเดียวก็คือการไม่มีลูก ในขณะที่ครอบครัวของคนรุ่นใหม่ในโลกอนาคต อย่างสามีของ Julie Powel เองก็ตาม ที่ยืนอยู่เคียงข้างแม้ว่า ภรรยาของเขาจะเป็นโรคสมาธิสั้นและเจ้าอารมณ์ แต่ก็พร้อม ที่จะเป็นหน่วยสนับสนุนและให้กำลังใจต่อคนที่ตนรักเสมอ ถึงแม้สองคู่รักจะมีปัญหามากมายก็ตาม ซึ่งทั้งหมดนี้นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญสำหรับครอบครัวและการครองคู่ให้ยาวนานความดึงดูดของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังอยู่ที่บทของ Julia Child ซึ่งมีบุคลิกเด่นอยู่แล้วด้วยความสูงถึง 6 ฟุต 2 นิ้ว รวมถึงความอารมณ์ดีของเธอเอง แถมด้วยคำพูดติดปาก ว่า "bon appetite"(ขอให้เจริญอาหาร) มันเด่นเตะตาจนทำให้ Meryl Streep ผู้รับบท Julia Child ถูกเสนอชื่อเขาชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงแต่เธอก็พลาดไป แต่ถึงอย่างไรเธอก็ถูกเสนอชื่อ เข้าชิงในสาขา นักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมของสถาบันต่างๆรวมทั้งหมดถึง 24 รางวัล!!! ซึ่งเธอก็สามารถคว้ามาได้ถึง 13 รางวัล นั้นไม่แปลกที่จะบอกว่า Julie&Julia เป็นภาพยนตร์ที่คุ้มเวลาที่เสียไป และสร้างความอบอุ่นอิ่มเอมใจได้ดีทีเดียวครับ

ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์
"It's gonna be good for you to finish something for once in your life."
การที่ทำอะไรสำเร็จเพียงครั้งนึงในชีวิตมันก็จะส่งผลดีให้แก่คุณ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- Alex Prud'homme ผู้เขียน "My Life in France" ร่วมกับ Julia Child เป็นเหลนชายของสามีเธอเอง
- Julie & Julia ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทั้งหมด 27 รางวัล ได้รับรางวัลทั้งหมด 13 รางวัล ซึ่ง Meryl Streep กวาดมาทั้งหมด
- Nora Ephron ผู้กำกับและผู้เขียนบทมีผลงานที่เป็นที่รู้จักคือ Sleepless in Seattle, You've Got Mail
- http://blogs.salon.com/0001399/2002/08/25.html คือ ลิงค์ The Julie/Julia Project เป็นเว็บบล็อกของ Julie Powel
- เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ดัดแปลงมาจากเว็บบล็อก
- Julia Child เสียชีวิตในปี 2004 ขณะมีอายุได้ 91 ปี ส่วนสามีของเธอ Paul Child เสียชีวิตในปี 1994 ขณะมีอายุได้ 92 ปี
- Nora Ephron นักเขียนบท ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับภาพยนตร์ และคอลัมนิสต์ชาวอเมริกัน สร้างชื่อจากงานเขียนบทภาพยนตร์แนว "โรแมนติกคอเมดี" เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 3 ครั้ง จากเรื่อง Silkwood (1983) When Harry Met Sally (1989) และ Sleepless in Seattle (1993)


Soundtrack
1.Julia's Theme - Alexandre Desplat (2:14)2.Julie's Theme - Alexandre Desplat (2:24)
3.Great Big Good Fairy - Alexandre Desplat (0:38)4.The Original French Chef Theme - Alexandre Desplat (0:24)
5.Starting Out - Alexandre Desplat (2:46)6.What Should I Do? - Alexandre Desplat (1:35)
7.Eggs - Alexandre Desplat (1:10)8. Psycho Killer - Talking Heads (4:22)
9.A String Of Pearls - Alexandre Desplat (1:28)10.Mes Emmerdes - Charles Aznavour (3:09)
11.Time After Time (Instrumental) - Alexandre Desplat (2:06)12.Burning The Stew - Alexandre Desplat (0:58)
13.Leaving Paris - Alexandre Desplat (1:37)14.My Husband Left Me - Alexandre Desplat (1:30)
15.Stop The Train - Henry Wolfe (3:02)16.A Bushel And A Peck - Doris Day (2:50)
17.The New York Times - Alexandre Desplat (2:39)18.Bouef Bourguignon - Alexandre Desplat (1:55)
19.Julia Hates Me - Alexandre Desplat (2:19)20.Last Supper - Alexandre Desplat (1:18)
21.Time After Time - Margaret Whiting (3:14)22.Julia at home, Julie at work(bonus track) (1:54)
Julia At Home, Julie At Work (Bonus Track) - Margaret Whiting

Directed byNora Ephron
Produced byNora Ephron
Laurence Mark
Eric Steel
Amy Robinson
Screenplay byNora Ephron
Story byJulie Powell (Book)
StarringMeryl Streep
Amy Adams
Stanley Tucci
Chris Messina
Linda Emond
Music byAlexandre Desplat
CinematographyStephen Goldblatt
Editing byRichard Marks
Distributed byColumbia Pictures
Release date(s)August 7, 2009 (2009-08-07)
Running time123 minutes
CountryUnited States
LanguageEnglish
Budget$40 million
Gross revenue$129,538,392

Read More...