Sunday, July 31, 2011

The Road (2009)

โลกกำลังจะตายจากภัยพิบัติร้ายแรงที่ยังไม่ได้รับการระบุ มันทำลายอายธรรมของมนุษย์ ทำลายพืชพรรณ ทำลายสิ่งมีชีวิตต่างๆ มนุษย์ที่มีชีวิตรอดต้องอยู่อย่างอดอยากขาดแคลน อยู่อย่างไร้กฎเกณฑ์มีชีวิตเหมือนยุคดึกดำบรรพ์ อาหารเป็นสิ่งขาดแคลนอย่างยิ่ง ขาดแคลนจนถึงขั้นต้องกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเองเพียงเพื่อให้อยู่รอด ความหวาดกลัวเข้าครอบงำ สิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่หาทางออกให้กับตัวเอง ด้วยการ การฆ่าตัวตาย

พ่อ(Viggo Mortensen)และเด็กชาย(Kodi Smit-McPhee)ผู้เป็นลูก มีชีวิตอยู่และพยายามดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดอย่างเต็มที่ ทั้งคู่พยายามเดินทางมุ่งลงใต้ลัดเลาะไปตามชายฝั่งเข้าเขตอบอุ่น การเดินทางแสวงหาความอยู่รอดของพวกเขา ต้องพบเจอกับความอดอยาก ความขัดสน ถูกฉวยโอกาสแก่งแย่ง ถูกคุกคาม สำหรับพวกเขาการฆ่าตัวตายไม่ใช่การแก้ปัญหา จึงต้องพยายามมีชีวิตอยู่ในยุคเสื่อมทรามต่อไปให้ได้ ภายใต้ความผิดชอบชั่วดี ที่พ่อลูกแลกเปลี่ยนบทเรียน เรียนรู้จากกันและกันโดยไม่รู้ตัว

The Road ภาพยนต์แนว Post-apocalyptic/Drama เกี่ยวกับการใช้ชีวิตภายหลังจากเกิดภัยพิบัติร้ายแรง ซึ่งในเรื่องไม่ได้ระบุประเภทภัยพิบัติ The Road กำกับโดย ผู้กำกับชาวออสเตรเลียน John Hillcoat สร้างจากบทประพันธ์ของ Cormac McCarthy นักเขียนชาวอเมริกัน ในชื่อเดียวกัน ในฉบับภาพยนตร์นี้อัดแน่นไปด้วยดารามากฝีมืออย่าง Viggo Mortensen, Robert Duvall, Charlize Theron, Guy Pearce และ ดาราดาวรุ่ง Kodi Smit-McPhee ตัวละครทั้งหมดในเรื่อง ไม่มีชื่อ ใช้สถานที่ถ่ายทำจริงคือ เพลซิลวาเนีย หลุยส์เซียน่า และ โอเรก่อน และโดยเฉพาะที่ นิวส์ ออลีนส์ ซึ่งเป็นสถานที่พายุเฮอริเคนแคทรีน่าภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่แวะมาทักทายแล้ว

การถ่ายทำโลกที่เริ่มจะตายซึ่งถือเป็นความสำคัญอันดับต้นๆของเรื่องนี้ เพียงแค่สร้างภาพอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นและเมฆขมุกขมัวที่แม้แต่แสงแดด ก็ยากที่จะส่งแสงผ่านมาถึงพื้นดินได้ ต่อด้วยการเปลี่ยนสีท้องฟ้าและสีเขียวของต้นไม้ด้วยการลบมันออกจากเฟรมแทนที่ด้วยสีเทาหรือสีทึมๆแทน เพื่อแสดงถึงความรู้สึกหดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวังเข้าไปแทน

อันที่จริง The Road เต็มไปด้วยแง่คิดต่างๆ มากมาย จึงเป็นธรรมดาที่ฉบับหนังสือจะให้แง่คิดได้ดีกว่าฉบับภาพยนตร์ แต่ก็ใช่ว่าฉบับภาพยนตร์จะทำออกมาได้แย่ ในเรื่องแสดงให้เราเห็นการใช้ชีวิตในยุคที่ยากลำบากอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่หดหู่ ไปพร้อมการมุ่งมั่นตามมโนธรรมที่ดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรักษาชีวิตอยู่รอดได้ ส่วนของการแสดงต้องบอกว่าไหลลื่นได้ดี แต่จุดเด่นของเรื่องนี้จริงๆ แล้ว คือภาพและโทนสีที่นำเสนอตลอดเรื่อง สรุปแบบรวบยอดแล้วต้องบอกว่า ทำออกมาได้น่าติดตามทีเดียว

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- The Road ฉบับหนังสือ ได้รางวัล พูลิสเซอร์ในปี 2007
- ตัวละครในภาพยนตร์ไม่มีชื่อเลย ยกเว้นแต่เพียง ชายชราที่รับบทโดย Robert Duvall ที่เอ่ยชื่อเขาออกมาเอง
- Charlize Theron ผู้รับบทเป็นแม่และภรรยา เธอเป็นแฟน ของหนังสือเล่มนี้
- All the Pretty บทประพันธ์ของ Cormac McCarthy ที่ถูกตีพิมพ์ในปี 1992 ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนต์ในปี 2000 กำกับโดย Billy Bob Thornton ดารานำแสดงคือ Matt Damon และ Penélope Cruz หลังจากกนั้น No Country for Old Men ถูกตีพิมพ์ในปี 2005 ถูกนำไปสร้างป็นภาพยนตร์ในปี 2007 ในชื่อเดียวกัน ยังไม่พอฉบับภาพยนตร์ยังได้รางวัลออสการ์ถึง 4 รางวัล ทำให้ Cormac McCarthy มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้นไปอีก
- หลังจากที่ผู้อำนวยการผลิต Nick Wechsler ได้อ่าน The Road เขาได้มีโอกาสชมภาพยนต์ เรื่อง The Proposition ในปี 2005 ที่กำกับโดย John Hillcoat ทำให้ Nick Wechsler ประทับใจวิธีการนำเสนอของเขา ด้วยการนำความดิบเถื่อนมาลงจอได้อย่างลงตัวมีชั้นเชิง ทำให้ Nick Wechsler มองไม่เห็นใครที่จะกำกับ The Road ได้แล้วนอกจาก John Hillcoat
- บทแม่และภรรยาของ Charlize Theron ในภาพยนต์นั้นมีมากกว่าในฉบับหนังสือ

ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์
เป็นประโยคที่พ่อพูดกับลูกว่า
"I told the boy when you dream about bad things happening, it means you're still fighting and you're still alive. It's when you start to dream about good things that you should start to worry."

Soundtrack
ตัวอย่าง เพลงประกอบ กับ Track ที่ 2.The Road

1.Home2.The Road
3.Storytime4.The Cannibals
5.Water and Ash6.The Mother
7.The Real Thing8.Memory
9.The House10.The Far Road
11.The Church12.The Journey
13.The Cellar14.The Bath
15.The Family16.The Beach
17.The Boy

Directed byJohn Hillcoat
Produced byNick Wechsler
Steve Schwartz
Paula Mae Schwartz
Screenplay byJoe Penhall
Based onThe Road by Cormac McCarthy
Narrated byViggo Mortensen
StarringViggo Mortensen
Kodi Smit-McPhee
Robert Duvall
Charlize Theron
Guy Pearce
Music byNick Cave
Warren Ellis
CinematographyJavier Aguirresarobe
Editing byJon Gregory
Studio2929 Productions
Distributed byDimension Films
The Weinstein Company
Release date(s)November 25, 2009 (limited)
Running time113 minutes
CountryUnited States
LanguageEnglish
Budget$25 million
Gross revenue$27,635,236


Read More...

Sunday, July 24, 2011

The Boy in the Striped Pyjamas (2008)

Bruno (Asa Butterfield) เด็กชายวัยซน 8 ขวบ จำเป็นต้องจากเพื่อนๆ เพราะพ่อของเขา Ralf (David Thewlis) ทหารนาซีประจำหน่วย SS ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเป็นผู้บัญชาการของค่ายกักกันนาซี ทำให้ครอบครัวที่ประกอบไปด้วย Elsa (Vera Farmiga) แม่ของเขา และพี่สาว Gretel (Amber Beattie) ในวัย 12 ปี ต้องย้ายไปอยู่ที่นั้น แต่ Ralf ไม่ได้บอกรายละเอียดของที่ทำงานที่ใหม่ซึ่งจะเป็นที่อยู่แก่ครอบครัวของเขา Bruno กับที่อยู่ใหม่ สำหรับเด็กวัยซนอย่างเขา ดูจะไม่ค่อยเข้ากันเลย เขาถูกล้อมรอบไปด้วยทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อเขา หันไปทางไหนก็ไม่มีเด็กในวัยเดียวกันกับเขาที่จะมาเป็นเพื่อนเล่นพูดคุย แต่ด้วยความที่เขา ชอบการผจญภัยและอยากเป็นนักสำรวจ ทำให้เขาค้นพบ เส้นทางไปสู่สถานที่ที่เขาเรียกมันว่า "ฟาร์ม" และที่นั้นเขาได้พบเด็กชายในชุดนอนลายทางในวัยเดียวกับเขา ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของรั้วลวดหนาม Shmuel (Jack Scanlon) คือชื่อของเด็กชายที่เขาได้พบ ความสัมพันธ์ที่กำเนิดจากความไร้เดียงสาของเด็กชายทั้งสองจึงเริ่มขึ้น และเป็นสาเหตุไปสู่เหตุการณ์สะเทือนใจ ในบั้นปลาย

The Boy in the Striped Pyjamas เป็นภาพยนตร์จากอังกฤษ กำกับโดย Mark Herman ชาวอังกฤษ ในอเมริกาเหนือจะัใช้ชื่อภาพยนตร์ว่า The Boy in the Striped Pajamas สร้างจากบทประพันธ์ที่โด่งดังของนักประพันธ์ชาวไอริช John Boyne ผลงานชื่อเดียวกันกับภาพยนตร์ ในฉบับหนังสือนั้นมียอดขายรวมกันมากกว่า 5 ล้านเล่มจากทั่วโลกทั่วโลกและถูกตีพิมพ์ที่อเมริกา ในปี 2007 และ 2008 ยังเคยติดอันดับ 1 ในหนังสือขายดีของ New York Times นอกจากนั้นยังเป็นหนังสือขายดีที่สุดในสเปน , รวมทั้งไอร์แลนด์, ออสเตรเลียและประเทศอื่น ๆ The Boy in the Striped Pyjamas เป็นเรื่องที่เล่าถึงความไร้เดียงสาของเด็ก โดยมีการดำเนินเรื่องผ่านเด็กชายลูกของผู้บัญชาการของค่ายกักกัน ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเรื่องจากผู้แต่งชาว ไอริช กำกับโดยผู้กำกับชาวอังกฤษ ภาษาที่ใช้ในเรื่อง เป็นภาษาอังกฤษ จึงทำให้ในเรื่องขาดพลังและความสมจริงไปเมื่อเทียบกับฉบับหนังสือ ที่สามารถจินตนาการได้ด้วยตัวผู้อ่านเอง


ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์
"Childhood is measured out by sounds and smells and sights, before the dark hour of reason grows."
John Betjeman


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- หน่วย SS ย่อมาจาก SchutzStaffeln หรือ Protection Squad ในภาษาอังกฤษ แปลว่า กองระวังป้องกัน ก่อตั้งมาในปี ค.ศ. 1923 จุดประสงค์เดิมเพื่อเป็นกองกำลังองครักษ์ประจำตัว อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)
- ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าค่ายกักกันในเรื่อง จะมีชื่ออะไรแต่คาดกันว่าน่าจะเป็น ค่ายกักกันค่ายนึง ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็นค่ายอัน เลื่องชื่อ “ค่ายเอาชวิตซ์” (Auschwitz)

Soundtrack
James Horner คือ ผู้มาดูแลเพลงประกอบของหนังเรื่องนี้ จากผลงานเพลงประกอบมากกว่า 100 เรื่อง และรางวัลต่างๆอีกมากมายเป็นเครื่องประกันฝีมือเขาได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่าง เพลงประกอบ กับ Track ที่ 1.Boys Playing Airplanes
1.Boys Playing Airplanes – 4:132.Exploring the Forest – 2:36
3.The Train Ride to a New Home – 3:344.The Winds Gently Blow Through the Garden – 5:57
5.An Odd Discovery Beyond the Trees – 2:516.Dolls Aren't for Big Girls, Propaganda is... – 3:43
7.Black Smoke – 1:438.Evening Supper – A Family Slowly Crumbles – 7:53
9.The Funeral – 1:5410.The Boys' Plans, From Night to Day – 2:36
11.Strange New Clothes – 9:5312.Remembrance, Remembrance – 5:31
Directed by Mark Herman
Produced by David Heyman
Screenplay by Mark Herman
Based on The Boy in the Striped Pyjamas by John Boyne
Starring Asa Butterfield
Jack Scanlon
David Thewlis
Vera Farmiga
Rupert Friend
Music by James Horner
Cinematography Benoît Delhomme
Editing by Michael Ellis
Studio BBC Films
Heyday Films
Distributed by Miramax Films
Release date(s) September 12, 2008 (United Kingdom)
November 7, 2008 (United States)
Running time 93 minutes
Country United Kingdom
United States
Language English
Budget $12.5 million
Gross revenue $40,416,563


Read More...