Sunday, August 18, 2013

Phone Booth (2002)

Stu Shepard (Colin Farrell) ที่ปรึกษาสื่อโฆษณาให้เช่าราคาย่อมเยา กำลังนอกใจภรรยาของเขา Kelly (Radha Mitchell) และคบหากับ Pam (Katie Holmes) แฟนสาว โดยที่เธอไม่รู้ว่า Stu แต่งงานแล้วขณะที่เข้าไปใช้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรหา Pam (Katie Holmes) แฟนสาว ในระหว่างนั้นมีเด็กส่งพิซซ่าพยายามเเสนอส่งพิซซ่าฟรีๆให้แต่ Stu กลับปฏิเสธและไล่เด็กส่งพิซซ่าอย่างหยาบคาย หลังจาก Stu วางสายจาก Pam ไปแล้ว โทรศัพท์ได้ดังขึ้น Stu รับสายนั้นขึ้นมา เสียงจากปลายสาย(The caller : Kiefer Sutherland) แนะนำให้รับพิซซ่านั้นซะเพื่อจะได้เผื่อให้มีแรงไว้รับกับสถานการณ์ที่กำลังจะมาถึงนี้ และเสียงปลายสายก็ได้เตือน Stu ว่าอย่าออกห่างจากโทรศัพท์ตู้นี้ไม่งั้นจะถูกยิง และเสียงปลายสายยังขู่ว่า เขารู้เรื่องของสตู และจะบอกความจริงกับเธอทั้งสองเสียในขณะที่ Stu ใช้โทรศัพท์อยู่ Leon (John Enos III) ไม่พอใจที Stu ใช้โทรศัพท์นานเกิน Leon จึงจัดการประเคนไม้เบสบอลเข้าที่ตู้โทรศัพท์เป็นการสั่งสอน เสียงปลายสายบอกกับ Stu ว่าเขาสามารถช่วย Stu ได้ เมื่อ Stu ยอมรับความช่วยเหลือ Leon ถูกยิงเข้าที่หลังทันที นั้นเป็นสิ่งยืนยันตามคำบอกของเสียงปลายสายที่ห้ามไม่ให้ Stu ออกจากโทรศัพท์การกระทำอุกอาจเขย่าขวัญ ดึงดูดเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกองกำลังสนับสนุนแม่นปืน มายังสถานที่เกิดเหตุ พวกเขาพากันคิดว่า Stu เป็นบุคคลอันตรายพร้อมอาวุธปืน ผู้กอง Ed Ramey (Forest Whitaker)พยายามเกลี้ยกล่อม ต่อรองให้สตูออกมาจากตู้โทรศัพท์ แต่มันยิ่งทำให้เป็นจุดสนใจมากขึ้น บรรดานักข่าวช่างภาพ ที่ได้พากันมากลุ้มรุมอยู่รอบสถานที่ ร่วมด้วยKelly ภรรยาของสตู อีกทั้ง Pam ลูกค้าและว่าที่แฟนสาวของเขา ซึ่งเจ้าของเสียงปลายสายเห็นพวกเขาทั้งหมด ผ่านกล้องส่องแรงสูง จากปืนไรเฟิลของเขา นั้นทำให้ Stu ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก


หลังจากแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจาก Minority Report ทำให้ Colin Farrell มีงานต่อเนื่อง และถูกเรียกตัวเข้ากลุ่มดารานักแสดงร่วมกับ Kiefer Sutherland, Forest Whitaker, Katie Holmes และ Radha Mitchell นับว่าเรื่องนี้ Colin Farrell แสดงนำเต็มตัวและแสดงฝีมือได้เต็มที่กับบทที่ต้องติดอยู่ภายในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ด้วยเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนเรียบง่ายแม้จะอยู่ในตู้โทรศัพท์กลางเมืองใหญ่ก็ไม่อาจมีใครช่วยเหลือได้ เพราะมีอันตรายที่มองไม่เห็น โดยในเรื่องให้อันตรายที่มองไม่เห็นเป็นมือปืนซุ่มยิงอยู่ ในขณะที่รอบข้างยังใช้ชีวิตปกติ ยอกย้อนสังคมเมืองใหญ่อย่างจัง นอกจากนั้นยังเพิ่มการส่งบทให้เรื่องเข้มข้นขึ้นไปอีกจากดาราอย่าง Kiefer Sutherland ที่ทั้งเรื่องมาแต่เสียง แถมทั้ง Joel Schumacher ผู้กำกับและ Larry Cohen ผู้เขียนก็จัดได้ว่าขึ้นหิ้งหมดแล้ว ในเรื่องทุกอย่างดูพร้อมและลงตัวจะขาดก็เพียงแต่ประสบการณ์การแสดงของ Colin Farrell เท่านั้น แต่ที่ได้มาแทนประสบการณ์ก็คือความสดที่มาทดแทน ซึ่งมันกับเป็นการดีกับภาพยนตร์เรื่องนี้


ประโยคเด็ดจากภาพยนต์
" If you have to ask, you're not ready to know yet"


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- Larry Cohen เจ้าของไอเดียที่คิดภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นตู้โทรศัพท์ทั้งหมด และได้เสนอแนวคิดนี้ให้กับ Alfred Hitchcock ในปี 1960 และ Hitchcock ก็ชื่นชอบไอเดียนี้ แต่ติดที่ว่า Hitchcock กับ Cohen ไม่สามารถคิดพล็อตเรื่องที่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องเฉพาะ ตู้โทรศัพท์ นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่คิดจะทำภาพยนตร์ตามแนวคิดนี้ จนมาถึงปี 1990 Cohen ถึงมาได้ไอเดียว่าต้องมีมือปืนซุ่มยิงจึงเป็นตัวแปรที่มาเติมเต็มแนวความคิดของเขาและมีน้ำหนักเพียงพอ
- ฉากในภาพยตร์ทั้งหมดถูกถ่ายทำเรียงตามลำดับที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ทั้งหมด
- Kiefer Sutherland ที่รับบทตัวร้าย ที่โผล่มาแต่เสียงในภาพยนตร์ นอกจากไม่ปรากฎตัวในภาพยนตร์แล้ว ยังไม่มีตัวตนให้เห็นในโปสเตอร์ ใบหน้าของ Sutherland ไม่ปรากฎแม้แต่ภาพยนตร์ที่ใช้สำหรับโปรโมท หรือโฆษณาเลย จนกระทั่ง Phone booth ถูกปล่อยออกมาเป็นวีดีโอ จึงจะเห็น Sutherland บนปก
- นักแสดงทุกคนในเรื่องจะติดหูฟังไว้ทุกคนดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเหมือนๆกันทุกคน
- Mel Gibson เคยถูกวางตัวให้เล่นเรื่องนี้ และเขาก็ได้แนะนำสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งถือว่าช่วยได้มากแต่ในท้ายที่สุดเขาก็ได้ถอนตัวไป
- Michael Bay เคยได้รับการพิจารณาให้มากำกับเรื่องนี้ จนกระทั่งเขาพบกับผู้เขียนและผู้อำนวยการผลิต คำถามแรกที่เขาถามออกมาคือ "เราจะเอาเขาออกจากตู้โทรศัพท์อย่างไร?"
- คำว่า "Fuck" ถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ถึง 143 ครั้ง
- เวลาที่ภาพยนตร์ใช้เป็นเวลาจริง
- คนขายหุ่นยนต์ของเล่นพูดภาษาสวาฮีลี และนอกจากนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำออกมาเป็นภาษาสวาฮีลี ด้วย
- ภาษาสวาฮีลี (หรือ คิสวาฮีลี) เป็นภาษากลุ่มแบนตูที่พูดอย่างกว้างขวางในแอฟริกาตะวันออก ภาษาสวาฮีลีเป็นภาษาแม่ของ ชาวสวาฮีลี ซึ่งอาศัยอยู่แถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันออกระหว่างประเทศโซมาเลียตอนใต้ ประเทศโมแซมบิกตอนเหนือ มีคนพูดเป็นภาษาแม่ประมาณ 5 ล้านคนและคนพูดเป็นภาษาที่สองประมาณ 30-50 ล้านคน ภาษาสวาฮีลีได้กลายเป้นภาษาที่ใช้โดยทั่วไปในแอฟริกาตะวันออกและพื้นที่รอบ ๆ


Soundtrack
ตัวอย่างเพลงประกอบ กับ Track ที่ 11 มีชื่อว่า "Center Of Attention"

1. First Call9. Last Booth in NYC
2. Trapped10. It's Me You Want
3. Nypd11. Center Of Attention
4. The Rifle12. Telephone Users
5. Confession13. Is He Coming Out
6. Times Square14. Phone vs. Gun
7. Stu's Secret15. Just Say The World
8. Publicist Talk16. It Could Be Anyone


Directed byJoel Schumacher
Produced byGil Netter
David Zucker
Written byLarry Cohen
StarringColin Farrell
Forest Whitaker
Radha Mitchell
Katie Holmes
Kiefer Sutherland
Music byHarry Gregson-Williams
CinematographyMatthew Libatique
Editing byMark Stevens
Distributed by20th Century Fox
Release date(s)April 4, 2003
Running time81 minutes
CountryUnited States
LanguageEnglish
Swahili
Budget$10 million
Box office$97,837,138


Read More...